เปรียบเทียบ7หูฟังออนเอียร์คุณภาพสูงยอดนิยมสำหรับราคาผู้เริ่มต้น

สำหรับหูฟังยอดนิยม ที่เรารวบรวมกระแสและความเห็นจากสารทิศ
ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อว่าหูฟังบางรุ่นนั้น แม้ว่าสายการผลิตจะออกมาเป็นเวลานานและขยับเพียงการเติมรหัสชื่อเพื่อความดูใหม่ แต่ทว่ายังคงทนต่อการเป็นที่ยอมรับจากนักฟังเพลงทั้งหลายอยู่อย่างเหนียวแน่น

นอกจากนี้ยังมีหูฟังรุ่นใหม่ๆที่ตามมาทีหลังและสร้างความถูกใจให้กับกระแสผู้ใช้

ซึ่งเราได้รวบรวมมาแล้ว 7อันดับหูฟัง ที่น่าซื้อหรือยังคงน่าซื้อ ในปี2017
ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ในงบประมาณไม่เกิน5000บาท ซึ่งเป็นราคาที่เข้าถึงคนหลายระดับฐานะได้อย่างง่ายขึ้น
โดยแม้ว่า งบประมาณสำหรับผู้ที่ไม่ประสงค์จะไปเล่นในรุ่นเกรดท๊อปหลักหมื่นหลักแสน ก็สามารถเข้าถึงเกรดเสียงชั้นคุณภาพได้ในราคาหลักพัน

ซึ่งหูฟังที่คุ้มค่าที่น่าเล่นที่สุดเมื่อเทียบกับงบประมาณ

เราคัดเลือก จากรุ่นต่างๆในตลาดหูฟังขณะนี้
ออกมาเป็น7รุ่นที่น่าสนใจหรือยังคงความน่าสนใจไว้ดังนี้

ลำดับที่1 Grado SR 60

Grado SR 60 ซึ่งปัจจุบัน เป็นGrado SR 60i
แม้ว่าจะยืนหยัดมาหลายปี แต่นี่คือบทพิสูจน์ความแจ๋วจริง นอกจากการผ่านบทพิสูจน์การยอมรับ และสามารถฟันฝ่าวันเวลามาได้ขนาดนี้ ในขณะที่สินค้าไอทีตัวอื่นๆมักมีแต่จะตกรุ่นโดนรุ่นใหม่เกทับ ซึ่งถ้าGrado SR 60 ไม่เจ๋งจริงย่อมไม่สามารถผ่านมาได้

Grado SR 60 เป็นหูฟังแบบออนเอียร์ ที่มีสุ้มเสียงที่ ยืดหยุ่น สมดุลย์มีความเป็นกลาง แม้ว่าตามหลักการแล้ว ยากที่จะมีหูฟังใดที่จะเอาไปใช้สุดยอดได้ในทุกแนว
การจะปรับความเป็นกลางให้เอื้อครอบคลุมหลายแนวมักต้องแลกมาด้วยการลดประสิทธิภาพ ในหลายด้านลงเพื่อให้สอดคล้องสมดุลย์ครอบคลุม แต่ทว่า ด้วยหลักนี้ก็มิใช่สิ่งที่จะทำได้ง่าย สำหรับการจะได้สุ้มเสียงที่ดี ซึ่งGrado SR 60 สามารถเข้าหาจุดสมดุลย์ที่เวิคร์สุดๆเท่าที่จะทำกันได้ รวมถึงยังแทรกด้วยจุดเด่นซึ่งมีสไตล์ของเสียงที่ ฟังกับเพลงร๊อคเข้าท่าเป็นอย่างยิ่ง และได้รับเสียงชื่นชมมากมายว่า ให้เสียงกีต้าร์ได้อย่างพุ่งโลดแล่นเก็บชัดสารพัดรายละเอียด เต็มอารมณ์
นอกจากนี้ในจุดอื่นๆนั้น ให้เสียงที่ดูธรรมชาติ ลดความรู้สึกปรับแต่ง และทำออกมาได้ดี
จึงทำให้ ก่อเกิดคาแรคเตอร์ของความเบสิคที่มีเสน่ห์
เหมาะสำหรับ ใช้ผสานกับหูฟังอื่นๆ โดยใช้ Grado SR 60 รับทราบอรรถรสเบสิคของเนื้อเสียงเพลงนั้นๆเป็นไฟล์ดิบเพื่อวิเคราะศึกษาเรียนรู้ อรรถรสเสียงของหุฟังอื่นๆได้อย่างดีเยี่ยม
Grado SR 60 จึงเหมาะสำหรับทั้งมือใหม่หัดใช้และทั้งมือเก๋า เหมาะทั้งมือสมัครเล่นและแม้แต่มืออาชีพ มีเสียงเบสที่พอดีและลงตัว
ขณะนี้มีราคาวางจำหน่ายอยู่ที่ 2700-3300 บาท

 

ลำดับที่2 AKG k420


AKG k420 เป็นอีกซีรีย์ที่ออกสายการผลิตมาเป็นเวลานาน และเป็นคู่เปรียบกับGrado SR 60 มาอยู่บ่อยๆ เวลาที่มีผู้จะซื้อฝั่งใดฝั่งหนึ่ง และเป็นเรื่องที่น่าแปลกอยู่เหมือนกัน ที่แม้จะมีผู้ใช้รุ่นนี้มานานจนเข้าใจว่า หูฟังของตัวเองคงตกรุ่นไปแล้วและเตรียมจัดหาหูฟังรุ่นใหม่ๆ
แต่เจ้า AKG k420 นี้กลับมีผู้ซื้อรายใหม่เสาะหากันอยู่เสมอ ซึ่งนับว่าเป็นของดีที่มีความเป็นมิตรกับนักฟังเป็นอย่างยิ่ง มีทั้งราคาที่เป็นมิตรและสุ้มเสียงที่รับทราบคุณภาพได้ง่าย เปรียบเป็นยาดีที่ทานง่ายกลืนคล่องรับทราบสรรพคุณได้รวดเร็ว

โดย AKG k420 นั้นมีความโดดเด่นในเรื่องความใสของเสียง ได้ความละเอียดของเสียงที่สุดยอดเกินราคา แม้ว่าความดุดันของเบสจะลดความระทึกลงไป แต่มันถุกฉโลกเป็นอย่างมากสำหรับคอเพลงผู้ชื่นชอบแนวเพลงแบบฟังสบายไม่ว่าจะเป็นอคูสติก คันทรี่ และโซล หรือเพลงกีต้าร์คลาสสิค ในขณะที่เพลงตลาดเบาๆนุ่มนวลแบบคอเพลงอินดี้ หรือซอพท์ร๊อคก็ให้สุ้มเสียงที่อยู่ในเกณท์ดี

และด้วยราคาที่เป็นมิตร และมีผู้ที่ยังคงให้ความนิยมอย่างแพร่หลาย โดนใจแม้จะไม่ใช่นักฟังเพลงสายจริงจังก็ยังซื้อหากันอย่างแพร่หลาย เราจึงจัดให้เป็นอันดับที่2ของหูฟังคุ้มค่าคุ้มราคา

ขณะนี้มีราคาวางจำหน่ายอยู่ที่ 2600-2900 บาท
ลำดับที่3. Philip Uptown SHL5905GY

Philip เป็นชื่อที่คุ้นหูในแวดวงผลิตภัณท์เครื่องใช้ไฟฟ้ามานาน ชื่อชั้นอาจจะไม่โมเดิลล้ำอนาคตแบบแบรนด์หูฟังตรงๆบางค่าย แต่ทว่ามีจุดแข็งด้วยความมีประสบการณ์สูงคุณภาพสินค้าที่มีมาตรฐาน และในวงการหูฟังนั้น Philip Uptown ให้คุณภาพเสียงที่ คอหูฟังทั้งหลายลงความเห็นว่า เป็นหูฟังที่มีดีอย่างฉกาจอยู่ในตัวเลยทีเดียว มีผู้ที่มีรสนิยมทางเสียงในรูปแบบเฉพาะ ที่ถูกจริตกับสุ้มเสียงของ Philip Uptown ก็มีไม่น้อย และโดยเฉพาะรูปลักษณ์ที่ดูเป็นลุค เรโทรผสานโมเดิร์น ทั้งเรือนร่างและสีสันทำออกมาได้เก๋ไก๋สะดุดตา และการหุ้มวัสดุในส่วนต่างๆที่มุ่งให้ผู้สวมใส่เกิดความสบายผ่อนคลาย
โดยสไตล์เสียงของ Philip Uptown จะค่อนไปทางย่านเสียงแหลมและกลาง เบสไม่หนักมากแต่เน้นความกลมกล่อมของเสียง ซึ่งเหมาะที่จะฟังกับเพลงทั่วไปแบบกว้างๆ ถูกใจคนที่ชอบฟังเพลงหลายแนว และไม่สะดวกที่จะเปลี่ยนหูฟังไปมาให้ตรงแนวเพลง โดย Philip Uptown จะให้มิติเสียงที่ปรับจูนให้เข้าใกล้ภาวะความชัดเจนสบายหู แม้จะไม่พุ่งไปสร้างความโดดเด่นทางใดทางหนึ่งให้ถึงที่สุดแต่ก็เป็นข้อดีอีกด้านที่ไม่สร้างความโดดของมิติเสียง จนเกิดความสะดุดรำคาญหู และนอกจากแนวทางปรับจูนแบบนี้แล้วยังให้เอกลักษณ์เสียงเฉพาะตัวได้ดีเวลาฟังเพลงในสไตล์ที่เน้นเมโลดี้หลายตัวโน๊ต ที่ผู้ฟังเกิดสภาวะจดจ่ออยุ่กับเมโลดี้ มากกว่าซาวน์ ก็จะได้ความเคลียร์ติดตามการขึ้นลงของตัวโน๊ตอย่างลื่นไหล และนอกจากนี้ยังได้ความเอนกประสงค์
จากการติดไมคโครโฟน สำหรับการใช้งานกับโทรศัพท์หรือระบบออนไลน์ได้อีกด้วย

ขณะนี้มีราคาวางจำหน่ายอยู่ที่ 2800-3200 บาท

 

ลำดับที่4. sony XB550AP

sony xb550 นั้นเป็นรุ่นที่ยังคงพัฒนาไปตามสไตล์หลักนิยมทางสุ้มเสียงของอารยธรรมโซนี่
ซึ่งถือว่า ยังคงรักษาแนวทางเอาไว้ แม้ว่าจะมีนักเล่นหูฟังเสียงแตกถกเถียงกันพอสมควร เนื่องจาก สไตล์ของเสียงไม่ได้เน้นที่จะครอบคลุมทุกกลุ่มลูกค้า ถ้าถูกจริตผู้ฟังในกลุ่มหนึ่ง จะถูกใจมากๆในขณะที่อาจไม่ถูกใจกับอีกกลุ่มหนึ่งเอามากๆเช่นกัน คือมีเสียงหนึ่งที่บอกยอดเยี่ยมแต่อีกเสียงหนึ่งบอกห่วยไปเลย ซึ่งประเด็นเหล่านี้บางครั้งอาจจะมาจากค่านิยม ของกลุ่มนักเล่นหุฟังบางกลุ่มที่อาจมีรสนิยมส่วนตัวไม่แมตช์กับคอนเซปในวิถีของโซนี่ก็อาจจะเป็นได้ ซึ่งโซนี่มุ่งเน้นอารยธรรมที่ทันสมัย มีความคึกคักกระปรี้กระเปร่า สุ้มเสียงของหูฟังโซนี่นั้นจะเน้นไปที่พลังของเบส ที่จัดเต็มแบบโดนใจคนชอบรสจัด ชอบโมเมนต์ที่กระแทกจังหวะหัวใจ โดยsony xb550 จะแมตช์กันมากกับเพลงแนว ดั๊ปเสต๊ป ฮิฟฮอพ อิเล็กทรอนิกส์
หรือจะฟังร๊อคในสไตล์นูเมทัลก็ลงตัว ซึ่งหูฟังรุ่นนี้ให้ซาวน์ที่รับรู้สึกที่จับโฟกัสความเปลี่ยนแปลงของเสียงสอดแทรกฉับพลันได้อย่างรวดเร็ว จึงเหมาะกับแนวดนตรีจังหวะคึกคักและมีลูกเล่นของเนื้อเสียงหลากหลายจากเสียงสังเคราะหลายชิ้นที่สอดแทรกบ่อยๆและสลับความเร็ว

ขณะนี้มีราคาวางจำหน่ายอยู่ที่ 2400-2700 บาท

 

ลำดับที่5. creative aurvana live 2

creative aurvana live 2 นั้นเป็นหูฟังที่พัฒนาจากค่ายที่มุ่งเน้นการทำงานด้านเสียง ซึ่งมีรสนิยมที่มุ่งแสวงหาความเป็นธรรมชาติดั้งเดิมของเสียงต้นทางที่ลดการปรุงแต่งให้มากที่สุดโดยต้องตอบโจทย์สุ้มเสียงที่ดีที่สุด เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการวิเคราะห์หรือเสพงานซาวน์จากซอทร์เพลงต้นฉบับแบบตรงๆ และเหมาะกับนักดูหนังเล่นเกมเป็นอย่างยิ่งที่จะได้รับทราบลักษณะการปรับสมดุลย์ของเสียงจากผู้ออกแบบต้นทางของงานเสียง นอกจากนี้ยังให้ความชักเจนของรายละเอียดเสียงแม้แต่เสียงเล็กน้อยปลีกย่อยได้อย่างดี ดูหนังเล่นเกมหรือฟังเพลงได้ครบรายละเอียด ซึ่งแน่นอนว่ามาพร้อมกับความเอนกประสงค์อย่างไมค์โครโฟนสำหรับการใช้งานสื่อสาร และแม้ว่าการปรุงแต่งเสียงในแบบที่จะให้มีลีลาสไตล์เสียงที่เฉพาะตัวสูงนั้นอาจจะไม่เท่า กับหูฟังจากค่ายอื่นๆโดยเฉพาะกับพวกหูฟังสำหรับฟังเพลงโดยตรง ก็ตาม แต่ถือว่ามีพลังของความเป็นธรรมชาติและความชัดเจนที่โดดเด่นเป็นอย่างมากเลยทีเดียวโดยเฉพาะเมื่อทำงานร่วมกับAmplifier จะสามารถขับพลังความอิ่มของเสียงมาบรรจบและแสดงประสิทธิภาพสูงสุดออกมาได้อย่างเต็มอารมณ์
ขณะนี้มีราคาวางจำหน่ายอยู่ที่ 4500-5000 บาท

 

อันดับที่6. Takstar Pro80

Takstar Pro80 เป็นหูฟังแบบมอนิเตอร์สำหรับการใช้งานด้านวิเคราะเสียงอย่างเช่นงานสตูดิโอ แต่ทว่า มีผู้ฟังหลายคนที่พลิกผลันเอามาเน้นใช้เป็นหูฟังที่มุ่งใช้งานเอามาฟังเพลงกันเป็นเรื่องเป็นราว อันเนื่องมาจากราคาที่เป็นมิตรและลักษณะของหูฟังที่เน้นไปในด้านของการปรับสมดุลย์เสียงที่เป็นกลางและใกล้เคียงต้นฉบับ ซึ่งรูปแบบการมอนิเตอร์เสียงที่ใช้สำหรับงานสตูดิโออันต้องการปัจจัยเสียงที่เน้น ไม่ให้เสียงใดเสียงหนึ่งโดดเด่นล้ำกันเกินไป มีความลงตัวเพื่อการเฝ้าสังเกตุเสียงต่างๆได้สะดวก โดยหลีกเลี่ยงการหลงไปกับความหวือหวาของเสียงตัวใดตัวหนึ่งจนไม่ทราบคุณภาพที่เป็นกลางของเสียง เพื่อจะได้ปรับแก้ไขงานได้มีประสิทธิภาพนั่นเอง

แต่ด้วยสภาวะเช่นนี้ กลับตรงจริตของนักฟังเพลงกลุ่มที่ชอบรสนิยมของสุ้มเสียงที่เป็นกลางครอบกว้างปรับสมดุุุลย์ได้กลมกลืน สามารถใช้ฟังเพลงได้กว้างหลายแนว ในขณะที่ซาวน์เสียงนั้นถือว่าติดอยู่ในกลุ่มของหูฟังเพลงแบรนด์ดังต่างๆได้อย่างสบายโดยเฉพาะรุ่นนี้มีการแถมสายเชื่อมต่อแบบตรง สำหรับสลับเปลี่ยนมาใช้ในยามจะฟังเพลง ซึ่งถือว่า ได้ประโยชน์สองทางซึ่งเอาไปใช้ทำงานด้านเสียงเช่นการทำเพลง ก็สลับสายแบบมอนิเตอร์ได้อีกด้วย

ขณะนี้มีราคาวางจำหน่ายอยู่ที่ 3600-4300 บาท

 

อันดับที่7. Sennheiser HD239


เป็นหูฟังออนเอียร์ รุ่นทำตลาดแพร่หลาย มีจำหน่ายทั้งในห้างร้านอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ซึ่งทำให้เป็นขวัญใจเกมเมอร์และนักท่องอินเทอร์เน็ตด้วย ซึ่งแม้ว่าเกมเมอร์รายใดจะไม่ใช่นักฟังเพลงสายตรง แต่ปราถนาจะได้หุฟังสัมผัสดีๆที่มีมิติมากกว่าหูฟัง ทั่วๆไป Sennheiser HD239 ถือเป็นหูฟังที่มีความเป็นมิตรเข้าถึงผู้ใช้งานหน้าใหม่ได้เป็นอย่างดีนอกจากนี้ยังมี สัมผัสของการใส่หูฟังที่สบายทรงหูฟังเข้ารูป แนบเกาะใบหูได้กีะชับแต่ไม่อึดอัด ตัวเอียร์แพดใช้วัสดุที่เป็นผ้า
ให้ความนุ่มเนียนใบหู ในขณะที่สไตล์เสียงจะรองรับ เพลงแนววัยรุ่นและแนวตลาดร่วมสมัยได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นแนว แด๊นส์ แร๊พ ป๊อบ หรือ เทคโน ซึ่งSennheiser HD239 จะเด่นในด้านพลังความทุ้มแน่นของเบสผสานกับเสียงกลางที่อิ่มหนา ในขณะที่แนวอื่นๆถือว่าให้คุณภาพของเสียงที่ชัดเจนใช้ได้โดดเด่นกว่าหูฟังธรรมดาทั่วไปแน่นอน

ขณะนี้มีราคาวางจำหน่ายอยู่ที่ 3700-4300 บาท

Leave a Comment

Your email address will never be published or shared and required fields are marked with an asterisk (*).

*

code